Category ข่าววันนี้

กรุงเทพ จมฝุ่น PM2.5

เช็กด่วน "กรุงเทพ" จมฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 70 พื้นที่ เขตประเวศหนักสุด

ฝุ่นละออง PM2.5 ในกทม. เกินค่ามาตรฐาน 70 พื้นที่ ค่าเฉลี่ย 85.2 ไมโคกรัม/ลูกบาศก์เมตร พบสูงสุด เขตประเวศ 105 มคก./ลบ.ม.

สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) โดย ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร

ตรวจวัดได้ 61-116 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 85.2 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีทิศทางน้อยลง เกินมาตรฐานจำนวน 70 พื้นที่ อยู่ในระดับเริ่มก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 39 พื้นที่ และส่งผลเสียต่อสุขภาพ จำนวน 31 พื้นที่

ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 ได้ 61-105 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) โดยมีลัษณะทิศทางลดลง เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ปริมาณ 70 พื้นที่หมายถึงโดยจุดที่มีค่าฝุ่นละอองสูงสุดในพื้นที่ เขตประเวศ ข้างหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าพอๆกับ 105 มคก./ลบ.ม.

PM2.5 เกินมาตรฐาน

เหตุที่เกี่ยว(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศ

ที่ก่อให้เกิดผลเสีย ต่อฝุ่นละอองPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา) คาดว่าอัตราการถ่ายเทอากาศในช่วงวันที่ 2 – 4 ก.พ. 66 จะไม่ดี/อ่อน เพราะเหตุว่าเพดานอากาศต่ำ เกิดสถานการณ์อากาศ ปิดอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่น PM2.5 มีลักษณะท่าทางมากขึ้น หรือต่ำลงสลับ กันในช่วงนี้ สำหรับในช่วงวันที่ 5 – 8 ก.พ.66

คาดว่าอัตราการถ่ายเทอากาศจะดีมีฝนบางพื้นที่ จากทิศใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้น จากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย พัดเข้ามาปกคลุมแทนที่ลมหนาว ส่วนมวลอากาศเย็น ที่แผ่ปกคลุม เริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีอุณหภูมิสูงขึ้น กลางวันอากาศร้อน นำมาซึ่งการทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นPM2.5 มีลัษณะทิศทางต่ำลง และวันนี้ พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีหมอก ในตอนเช้าตรู่ โดยมีฝนเฟ้าคะนอง ปริมาณร้อยละ 40 ของพื้นที่

ช่วงวันที่ 2 – 4 ก.พ. 2566 พื้นที่กรุงเทพและละแวกใกล้เคียงควรจะเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง ด้วยเหตุว่าสภาพอากาศที่นิ่ง และปิด โดยพื้นที่ที่ควรจะเฝ้าระวัง ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้

จากการสำรวจข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่เจอจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประชาชนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน เพื่อวางแผนทำงาน กระบวนการทำกิจกรรม

โดยยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่ ที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย/มีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรลดระยะเวลา หรืองดเว้นวิธีการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ทั้งนี้ กรณีประชาชนประสบพบเห็นแหล่งกำเนิดมลภาวะสามารถแจ้งร่องรอย ผ่านทาง Traffy Fondue

มลพิษฝุ่น กทม. ติดอันดับ 4 โลก

มลภาวะฝุ่น กทม. ติดอันดับ 4 โลก สูงระดับสีแดง ให้งดกิจกรรม ที่จัดกลางแจ้ง

เตือน “กรุงเทพฯ” มลพิษอันดับ 4 ของโลก กรมควบคุมมลพิษแจ้ง 70 พื้นที่ทั้งประเทศค่าฝุ่น PM2.5 สูงในระดับอันตรายสีแดง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เจาะจงเฝ้าระวัง 3-4 ก.พ.นี้ค่าฝุ่นยังสูงต่อเนื่อง รีบยกระดับลดจุดความร้อน ผลหารือร่วม กทม.ให้ จนท. WFH ส่วน กทม.ยังไม่ประกาศ ปิดสถานศึกษา แต่ให้งดกิจกรรม กลางแจ้งปัญหาฝุ่นจิ๋ว ที่เป็นภัยต่อสุขภาพ อย่างมากกำลังเป็นเรื่องสำคัญด้านสภาพแวดล้อม ที่จำเป็นต้องเร่งปรับแก้

ทั้งนี้ ที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลภาวะที่เกิดขึ้นทางอากาศ แถลงถึงการยกระดับมาตรการเพื่อลดแหล่งกำเนิด PM2.5 และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้ระหว่าง 17-158 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)

คุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ วันนี้มีพื้นที่สีแดงรวม 70 พื้นที่ทั่วทั้งประเทศ ทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย โดยมากอยู่ในเขต กทม.และละแวกใกล้เคียง นับว่าค่าฝุ่นผงสูงติดต่อกันเป็นวันที่สอง มีสิ่งสำคัญจากสภาพอากาศปิด ลมสงบ การจราจรติดขัด ทำให้ฝุ่นผงสะสมตัวมากขึ้น

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวว่ากล่าว จากการพิจารณาข้อมูลของที่ทำการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า (GISTDA) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. เจอจุดความร้อนทั้งประเทศประมาณ 1,200 จุด หัวใจสำคัญสำหรับในการลดจุดความร้อนเป็นการบริหารจัดแจงเชื้อเพลิง บางจังหวัดงดการเผาในบางช่วงเวลา ทำให้ครั้งคราวเกิดปัญหารุมเผาในบางช่วงเวลาเช่นกัน

โดยเหตุนี้การบริหารจัดการเผาจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ละจังหวัดจะมีอำนาจเต็มในการควบคุมการเผา โดยมีแอปพลิเคชัน Burn Check ใน จ.เชียงใหม่ ใช้แล้ว 100% แต่บางจังหวัดยังไม่ 100% จำเป็นต้องผสานความร่วมแรงร่วมมืออย่างเข้มงวดต่อไป โดยภาครัฐตั้งเป้าลดจุดความร้อนให้ได้ 50-60%

“กรมได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล วันที่ 3-4 ก.พ. พื้นที่ กทม. และปริมณฑลควรเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด พื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯกลาง กรุงธนเหนือและใต้ (พื้นที่ท้ายลม) พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ควรเฝ้าระวังบริเวณภาคเหนือตอนบนและล่าง โดยเฉพาะช่วงวันที่ 3-4 ก.พ. ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสถิติค่าฝุ่นลดลงในทุกปี แต่ในปี 66 จากการคาดการณ์คาดว่า ค่าฝุ่นอาจรุนแรงกว่าปี 65 เนื่องจากสภาพอากาศจะแล้งมากขึ้น วันที่ 1 มิ.ย. จะมีการปรับเปลี่ยนค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากเดิมไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. ลดลงเหลือ 37.5 มคก./ลบ.ม.”

ติดอันดับ 4 โลก สูงระดับสีแดง มลพิษฝุ่น

ดังนั้นการบริหารจัดการฝุ่น PM2.5 ต้องเข้มข้นกันมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า IQAir | First in Air Quality ที่เป็นเว็บไซต์จัดอันดับคุณภาพอากาศและจัดอันดับเมืองที่มีมลภาวะของโลก แถลงการณ์ในเวลา 10.00 น. ว่า กทม.เมืองไทยมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) สีแดง 192 ส่งผลกระทบต่อทุกคน คุณภาพอากาศมีมลพิษเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากเมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เมืองลาฮอร์ประเทศปากีสถานและประเทศคูเวต

ต่อมา นายปิ่นสักก์แถลงถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ปัจจุบันค่า PM2.5 อยู่ในระดับเกินมาตรฐาน ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยตอนกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ทั้งนี้ ในวันที่ 5 ก.พ. PM 2.5 จะน้อยลงอยู่ในระดับปานกลาง

หลังจากนั้นวันที่ 7 ก.พ.จะลดน้อยลงมาอยู่ในระดับค่ามาตรฐาน ทั้งในพื้นที่ กทม. และ 17 จังหวัดภาคเหนือ นายกฯได้สั่งย้ำให้ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างครัดเคร่ง ขอความร่วมมือลดการก่อสร้าง การเผาในที่โล่ง แจ้งสามัญชนกลุ่มเสี่ยงตรวจสอบ และดูแลตนเอง ติดตามสถานการณ์ PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน Air 4 Thai ส่วนประชากรในพื้นที่ กทม.ตรวจสอบ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน Air Bkk

“สำหรับโรงเรียนในสังกัด กทม.ไม่ปิด ทั้งนี้ ผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต มีอำนาจประกาศเป็นเขตเดือดร้อนรำคาญตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขฯ จะทำให้ควบคุมการเผาได้ อยากขอร้องไปถึงเรื่องธูป เทียน การเผากระดาษเงิน-ทอง แต่คงบังคับมากไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อ รวมทั้งกิจกรรมก่อสร้างที่ กทม.เป็นเจ้าของโครงการด้วย แนะนำช่วงนี้ว่าควรงดออกกำลังกายกลางแจ้ง ช่วงนี้ตนเองก็หยุด หากออกกำลังกายกลางแจ้งต้องใส่หน้ากาก ส่วนตัวออกกำลังกายในห้อง วิดพื้น-จ๊อกกิ้ง” นายชัชชาติกล่าว

สภาพอากาศวันนี้ ทั่วไทย

เช้านี้ทั่วไทย "เย็นถึงหนาว" ก่อนอุณหภูมิสูงมากขึ้น 1-3 องศา ภาคใต้ระวังฝนฟ้าคะนอง

สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุฯ เผยไทยอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศา แต่ตอนเช้ายัง “เย็นถึงหนาว” เตือนภาคใต้ระวังฝนฟ้าคะนอง

(1 กุมภาพันธ์2566) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ลักษณะแบบนี้ทำให้เมืองไทยมีอุณหภูมิสูงมากขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็น ถึง หนาว ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางตอนบน ส่วนภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า

ขอให้ประชาชนรอบๆเมืองไทยดูแลรักษาสุขภาพ ด้วยเหตุว่าสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความรอบคอบ สำหรับเพื่อการสัญจรผ่านรอบๆที่มีหมอก รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัย ที่อาจเกิดขึ้นเหตุเพราะสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่าง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชากรบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักในตอนนี้ ส่วนคลื่นลมรอบๆอ่าวไทยตอนล่าง ยังคงมีกำลังค่อนข้างจะแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชากร ที่อาศัยอยู่รอบๆชายฝั่งภาคใต้ ฝั่งตะวันออกระวังอันตราย จากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวตังเกบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันควรจะเดินเรือด้วยความระแวดระวัง และหลีกเลี่ยงการออกเรือในบริเวณ ที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ควรจะงดออกจากฝั่งต่อไปอีก วัน

กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศ สำหรับเมืองไทย 00:00 น. วันนี้ ถึง 00:00 น. วันพรุ่ง สภาพอากาศวันนี้

ภาคเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า
และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด
อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า
และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง

อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า

และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า
และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

เตือนภาคใต้ระวังฝนฟ้าคะนอง

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

ตอนบน: อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส
ตอนล่าง: มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล

อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ครบรอบ 2 ปีของ รัฐประหารพม่า

ครบรอบ 2 ปีของ รัฐประหารพม่า ปูทางเลือกตั้งเอื้อพรรคทหาร

วันพรุ่งนี้ 1 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 คือวันครบรอบ 2 ปีของการก่อ รัฐประหารพม่า โดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย สถานการณ์ความเครียด, ปัญหาเศรษฐกิจ, การล่มสลายของประชาสังคม และการถูกประชาโลกโดดเดี่ยว ดูเสมือนจะเพิ่มความร้ายแรงมากขึ้นทุกขณะ ทุกสัญญาณแสดงว่ากองทัพเมียนมาเตรียมผนึกอำนาจต่อ และแม้ว่าจะกล่าวถึงว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วๆไป ในปีนี้ แต่ก็มีการ ออกกฎเลือกตั้งตัดโอกาสคู่แข่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนการเมือง ที่นำโดยอองซานซูจี ที่วันนี้เปลี่ยนเป็นผู้ถูกศาลทหาร สั่งจำคุกในหลายคดี เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว

อาทิตย์ที่ผ่านมารัฐบาลทหารของเมียนมา ประกาศกฎเกณธ์กติกาการเลือกตั้งใหม่ สำหรับพรรคการเมืองที่จะลงเเข่ง ในสนามเลือกตั้งปีนี้ มีรายละเอียดที่เขียนข้อจำกัดกล่าวถึงคุณสมบัติของพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่เพิ่มมาตรฐานให้ยาก และซับซ้อนมากขึ้น ชัดเจนว่า เพื่อเป็นการปูทางสำหรับหน้าที่ของกองทัพ เพื่อให้ผูกขาดอำนาจทางการเมืองถัดไป

โดยให้การจัดการเลือกตั้งเป็นเพียงการจัดฉากให้ดูดีแค่นั้น พรุ่งนี้เมื่อสองปีก่อน กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารแล้วหลังจากนั้นก็ให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมปีนี้ ตามกฎกติกาชุดใหม่ ที่ประกาศผ่านสื่อของรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคการเมืองต่างๆ ที่ต้องการลงเเข่งเลือกตั้ง ในครั้งนี้ ในระดับประเทศ ต้องมีสมาชิกพรรค อย่างต่ำ 1 แสนคน เพิ่มขึ้นจากคุณสมบัติเดิม ที่กำหนดให้ต้องมีสมาชิก 1 พันคนเท่านั้น

ปูทางเลือกตั้งเอื้อพรรคทหาร

นอกจากนี้ รัฐประหารพม่า พรรคที่เข้าเกณฑ์ใหม่ ต้องแสดงความจำนงว่าจะลงเเข่งขันใน 60 วันจากนี้

หากช้ากว่านี้ก็จะถูกปลดออกจากระบบทะเบียน พรรคการเมือง แน่นอนว่าพรรคที่มีความพร้อมที่สุดในยามนี้ ก็คือพรรคที่เป็นตัวเเทน ของทหารเมียนมา นั่นคือ Union Solidarity and Development Party (USDP) ซึ่งมีสมาชิกปริมาณมาก ที่เป็นอดีตนายพลของกองทัพ พรรคนี้พ่ายเลือกตั้งต่อพรรค National League for Democracy หรือ NLD ของนางอองซานซูจี ในปี 2005 และ 2020 อย่างสิ้นท่า

ก่อนกองทัพทำ รัฐประหาร โค่นรัฐบาลของซูจีในปี 2021 โดยอ้างถึงว่ามีการโกงการเลือกตั้งทั้งๆ ที่ฝ่ายทหารไม่เคยแสดงหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างนี้อย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด วันนี้ สมาชิกพรรค NLD หรือพรรคสันนิบาตแห่งชาติ เพื่อประชาธิปไตย ถูกคุมขัง หรือถูกจับไปแล้วหลายพันคน นอกจากนี้ก็ยังมีอีกปริมาณมากที่จำต้องหลบตัวเพื่อหนีการตามไล่ล่าของทหาร ที่ยิ่งวันยิ่งเพิ่มความร้ายแรง สำหรับเพื่อการปฏิบัติต่อผู้คัดค้าน การใช้อำนาจเผด็จการของกองทัพ

นักวิเคราะห์ที่ติดตามการเมืองพม่ามายาวนานตั้งข้อสังเกตว่ากฎใหม่ ที่ถูกพึ่งประกาศออกมานั้น ไม่ต้องสงสัยว่ามีเป้าหมาย เพื่อผลักดันระบบการเมือง ที่ทหารสามารถมีบทบาทเข้าควบคุม ได้อย่างเต็มที่ มีปัญหาว่าตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา ถึงแม้ผู้นำทหารพม่าจะถูกโดดเดี่ยว โดยนานาชาติ แต่ไฉนจึงยังสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ถึงเดี๋ยวนี้

เพราะเหตุไรมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศต่างๆ ก็เลยไม่เป็นผลทำให้มิน อ่อง หล่ายจะต้องยอมผ่อนผันมาตรการล้มล้างประชาชน อย่างหนักของตน คำตอบคือผู้นำทหารพม่าคนนี้ พยายามคว้าจังหวะและโอกาสที่มีความปริแยกของประเทศใหญ่ๆ ในสังคมโลกเพื่อยังสามารถแทรกตัวให้ได้รับการช่วยเหลือจากประเทศที่อยู่คนละข้างกับโลกตะวันตก

เดิมทีสหรัฐฯ และยุโรปหวังว่าแรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจ และการทูตจะบีบให้กองทัพเมียนมายอมยินยอมแต่จะต้องเลิกใช้กระบวนการเผด็จการ กับผู้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ผู้นำทหารพม่ากลับหาผลประโยชน์จากความแตกแยกทั้งโลก โดยยิ่งเข้ามากลุ่มประเทศ ที่มีมีความขัดแย้งกับโลกตะวันตก

การจับกุมยาเสพติดในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า ลูกชายของ นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหรูมูลค่าราวๆ 30 ล้านบาท ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ผลการสืบสาวยังพบ สมุดบัญชีเงินฝาก ของลูกสาวนายพล ของสถาบันการเงินชั้นแนวหน้าแห่งหนึ่งของไทย สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร ต่อเจ้าหน้าที่ทหารของเมียนมา และบริษัทในเครือทางการทหารหลังการยึดอำนาจ ในกุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2021 อีกทั้งทรัพย์สินของลูกๆของมิน อ่อง หล่ายก็ถูกอายัดในสหรัฐอเมริกา

หลายประเทศลดระดับความเกี่ยวข้องทางการทูตกับพม่า รวมถึงการไม่ส่งเอกอัครราชทูตไปประจำพม่า สถาบันป้องกันประเทศของญี่ปุ่นจะหยุดรับนายทหาร จากเมียนมาในปีงบประมาณใหม่นี้ กองทัพเมียนมาตอบโต้ว่า มาตรการต่างๆพวกนี้ถือเป็นการแทรกแซง กิจการภายในประเทศ แต่จีนและรัสเซียยังคบค้าพม่าในระดับเดิม พม่ายังคงรักษาความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับจีน และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆที่ไม่สนใจตะวันตก

น่าเชื่อได้ว่า คนที่เกี่ยวข้องกับการทหารคนจำนวนไม่น้อยก็คงถือสิทธิ์ทรัพย์สิน และเป็นเจ้าของธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านพม่าเหมือนกันกับลูกของ มิน อ่อง หล่าย เช่นเดียวกัน พม่ายังคงติดต่อค้าขายกับเพื่อนบ้าน บางกลุ่ม จีน อินเดีย และไทยรวมกันมีรูปทรงมากกว่า 50% ของการค้าทั้งหมดของเมียนมา ในทางตรงกันข้าม ประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปมีรูปทรงเพียง 14%

ผู้ชำนาญกล่าวว่าเศรษฐกิจของเมียนมาวันนี้ ยังมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่รุ่งเรืองก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่าสินค้ามวลรวมภายในประเทศ ที่ตามที่เป็นจริงของเมียนมาจะเติบโตมากกว่า 3% ในปีงบประมาณปีใหม่นี้ ถือว่าเป็นการฟื้นจากการหดตัว 18% ในปีงบประมาณปี 2021

รัฐประหารพม่า

ก็ด้วยเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจนี่แหละที่ทำให้กองทัพสามารถเริ่มวางแผนเลือกตั้งทั่วไปได้เร็วสุดในเดือนสิงหาคมนี้

โดยหวังว่าจะมอบอำนาจให้พรรคในเครือข่ายทหาร เพื่ออ้างความยุติธรรมกับสังคมโลกว่า ได้จัดให้การเลือกตั้ง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแล้ว นอกจากนี้ เมียนมายังกระชับความเชื่อมโยงกับรัสเซีย ซึ่งมีความขัดแย้งกับชาติตะวันตก ในเรื่องการศึกยูเครน พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย พบกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ในเดือนกันยายน เพื่อการันตีความร่วมแรงร่วมใจทวิภาคี เมื่อเดือนธันวาคมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติมติทีแรก ที่เรียกร้องให้เมียนมาร์เป็นประชาธิปไตย แต่รัสเซีย จีน และประเทศอินเดียงดออกเสียง

สำหรับกองทัพเมียนมา การเป็นแถวร่วมกับรัสเซีย และจีนได้ประโยชน์ประการหนึ่งตรงที่ไม่หนักใจเรื่องสิทธิมนุษยชนมาก พอๆกับสหรัฐฯ และยุโรป ทุกๆวันนี้ ออง ซาน ซูจี ยังถูกควบคุมตัวหลังการปฏิวัติ และถูกตัดสินจำคุกรวม 33 ปีแล้วในหลายๆคดี กองทัพยังคงทรมาน และประหารฝ่ายตรงข้าม สมาคมช่วยเหลือผู้ต้องขังการเมืองกล่าวว่า พลเรือน 2,827 คนถูกสังหารตั้งแต่การยึดอำนาจ ไม่แต่แค่นั้น กองทัพพม่ายังได้เดินหน้าจู่โจมทางอากาศต่อกลุ่มต่อต้านติดอาวุธ และเผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านสำหรับเพื่อการสู้รบ บ้านที่พักมากกว่า 48,000 หลังถูกทำลายจนถึงสิ้นเดือนธ.ค.

อาเซียนหรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ไม่สามารถจะกดดันให้กองทัพพม่า ยอมประพฤติตาม “ฉันทามติ 5 ข้อ” เพื่ออาเซียนช่วยสร้างสมานฉันท์ในประเทศนั้น ดูประหนึ่งว่ารัฐบาลทหาร ของเมียนมาจะมีความมั่นใจมากขึ้น เกี่ยวกับการกุมอำนาจรัฐของตนด้วยซ้ำ

สำหรับการพูดสุนทรพจน์เนื่องในวันเอกราชปีที่ 75 ของเมียนมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา มิน อ่อง หล่ายประกาศจะรักษาความเชื่อมโยงฉันท์มิตรกับ เพื่อนบ้านอย่าง จีน ไทย และอินเดีย “ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความร่วมมือและข้อเสนอแนะขององค์กรระดับนานาชาติและระดับภูมิภาคและประเทศต่างๆ ท่ามกลางแรงกดดันและการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา” เขากล่าว ผมไม่แน่ใจว่าเราควรจะดีใจหรือกังวลที่เขากล่าวขอบคุณประเทศไทยด้วย?

เทคโนโลยี 2023 สำคัญ

เทคโนโลยี 2023 2023 ที่สำคัญ จาก MIT Technology Review

ในทุกๆปี MIT Technology Review จะเลือกเอา 10 เทคโนโลยี 2023 ที่สำคัญที่สุดที่ปีมาอัปเดตให้กับพวกเราได้รู้ดีว่าเวลานี้โลกพัฒนาไปถึงไหนแล้ว มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ออกมาบ้าง หรือเทคโนโลยีใด ที่กำลังเป็นกระแส เนื่องด้วยความเจริญของเทคโนโลยี ค่อนข้างจะที่จะส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิต ของพวกเรามากพอควร

พวกเราจะต้องที่จะตามให้ทัน เพื่อดูว่ามีเทคโนโลยีใดบ้างที่พวกเรา ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้มากที่สุด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องจนถึงต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง MIT Technology Review ก็ได้ให้เหตุผลมาด้วยว่า เหตุใดเทคโนโลยีทั้งหมดนี้จึงสำคัญ

CRISPR ตัดต่อยีน เพื่อควบคุมคอเลสเตอรอล

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา CRISPR (คริสเปอร์) ซึ่งเป็น gene-editing tool ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์สู่สถานพยาบาล โดยเริ่มมาจาก การใช้รักษาเชิงทดลองสำหรับความผิดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก แต่ในเวลานี้ CRISPR เริ่มเป็นที่แพร่หลายสู่การทดลองทางคลินิก สำหรับสภาวะทั่วๆไป กระทั่งถูกประยุกต์ใช้รักษาโรค ที่พื้นฐานมากขึ้น อาทิเช่น การควบคุมสภาวะคอเลสเตอรอลสูง รูปแบบใหม่ของ CRISPR กำลังก้าวเดินต่อไป

AI ที่สร้างรูปภาพขึ้นมา

ในปีที่ผ่านมา AI ได้รุกคืบไปสู่วงการศิลปะอย่างเต็มกำลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลที่ตามมาก็คือเกิดดราม่าต่างๆนานา เกี่ยวกับผลงานศิลปะที่ AI ผลิตขึ้น และที่ยืนของศิลปินที่เป็นมนุษย์ แต่ว่าปีนี้จะเป็นอีกปี ของศิลปิน AI ซึ่งเป็นโมเดลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาโดย Google, OpenAI และบริษัทอื่นๆ สำหรับเพื่อการสร้างงานศิลปะสุดน่าทึ่งตามคำสั่งเพียงแต่ไม่กี่คำสั่ง พูดง่ายๆก็คือ แค่คุณพิมพ์คำอธิบายสั้นๆว่า ต้องการรูปภาพแบบไหน คุณจะได้รูปภาพตามที่คุณขอ ข้างในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้ “จะไม่มีอะไรเหมือนอีกต่อไป”

การออกแบบชิป (chip) ที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง

เพราะว่าอุตสาหกรรมชิปกำลังมีความเคลื่อนไหวอย่างมาก จากที่ผ่านมา ผู้ผลิตจำเป็นต้องซื้อลิขสิทธิ์สำหรับในการผลิตไมโครชิป จากบริษัทขนาดใหญ่แค่ไม่กี่เจ้า แต่ในเวลานี้มี open standard ตัวใหม่ที่ชื่อว่า RISC-V เข้ามาทำให้วงการ ออกแบบชิปเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้ผู้สร้างไม่ต้องพึ่ง chip designers ที่มีเพียงแค่ไม่กี่เจ้า ในตลาดอีกต่อไป ทุกคนสร้างชิปได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีบริษัท startup เป็นปริมาณมากที่กำลังสำรวจความเป็นไปได้สำหรับการสร้างชิปขึ้นมาเอง

โดรนที่ใช้ทางการทหารในตลาดทั่วไป

เดิมที โดรนทางการทหารที่กองทัพใช้นั้นเป็นสิ่งที่ประเทศเล็กๆไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากว่ามีราคาแพง และข้อบังคับควบคุมการส่งออก ที่ครัดเคร่ง แต่ความรุ่งโรจน์ของเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นมา ทำให้หลายบริษัท สามารถสร้างโดรนทำศึกที่มีความสลับซับซ้อนได้ในราคาที่ย่อมเยาลงมามาก อย่าง Bayraktar TB2 ของตุรเคีย และโดรนราคาถูกอื่นๆ ได้เปลี่ยนธรรมชาติ ของการรบโดรนเสียแล้ว

รถ EV ที่มาแรง

เทรนด์ เทคโนโลยี มาแรงปี2023

การจ่ายยาทำแท้ง ผ่านระบบแพทย์ทางไกล (telemedicine)

เหตุเพราะศาลฎีกาอเมริกาได้วินิจฉัยว่า รัฐต่างๆ สามารถบัญญัติกฎหมายต่อต้านการทำแท้งได้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 ทำให้วิธีการทำแท้ง ไม่ใช่สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป หลายรัฐในอเมริกาแบนสถานพยาบาลทำแท้ง ผู้หญิงจำนวนมาก ไม่สามารถเข้าถึงการทำแท้งได้ ผู้ที่ต้องการทำแท้งก็เลยจะต้อง “หาแพทย์” ผ่านวิดีโอคอล ฉะนั้น ผู้ให้บริการด้านของสุขภาพ และบริษัท startup ก็เลยหันมาใช้ telehealth เพื่อสั่งจ่ายยาและจัดส่งยาข้ามรัฐเพื่อช่วยทำให้ผู้คนทำแท้ง ได้อย่างปลอดภัยที่บ้าน

อวัยวะตามสั่ง

ในทุกวัน จะมีคนป่วยเฉลี่ย 17 คนในสหรัฐฯท่ต้องเสียชีวิตลงะหว่างรอการปลูกถ่ายอวัยวะ เหตุเพราะไม่มีอวัยวะให้เปลี่ยน แต่คนกลุ่มนี้บางทีอาจจะรอด รวมทั้งคนอื่นก็จะได้รับความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ ที่ทำให้มีอวัยวะที่แข็งแรงรอให้เปลี่ยน ซึ่งมันอาจมีอยู่อย่าง ไม่จำกัดด้วย เหตุเพราะนักวิทยาศาสตร์ สามารถปลูกถ่ายอวัยวะจากหมูที่ได้รับการตัดต่อกรรมพันธุ์ รวมถึงการสร้างปอดด้วย 3D-printing โดยใช้เซลล์ของคนเจ็บเองเป็นหมึกพิมพ์

รถ EV ที่มาแรงจนกระทั่งขวางไม่ได้

ในที่สุด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็กลายเป็นตัวเลือกให้กับโลกใบนี้เสียที เดี๋ยวนี้ รถ EV ได้รับความนิยมแพร่หลาย มากขึ้น ด้วยเหตุว่าแบตเตอรี่รถมีราคาที่ถูกลง และรัฐบาลในหลายประเทศ ได้ผ่านกฎการปลดปล่อยมลภาวะ บัญญัติกฎหมายที่เอาจริงเอาจังขึ้น ในเรื่องของการควบคุมรถที่ใช้น้ำมัน ส่วนผู้สร้างรถยนต์รายใหญ่หลายรายก็ได้ออกมาให้คำมั่น ประกาศออกสื่อว่าจะมุ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด และในไม่ช้านี้ ลูกค้าทุกหนทุกแห่ง ก็จะมีเหตุผลในด้านดีๆมากมาย ในการเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากกว่าที่จะไม่ยอมรับ

MIT Technology Review

เทคโนโลยี 2023 ใช้ในการทำการศึกษาเรียนรู้

กล้องส่องทางไกลอวกาศ James Webb

กล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb ถูกทำขึ้นมาเพื่อสืบทอดภารกิจของกล้องกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble สำหรับการสำรวจเอกภพ มันถูกส่งออกไปถ่ายรูปในอวกาศเมื่อปลายปี 2021 อย่างไรก็ดีแล้ว ภาพจักรวาลอันไกลโพ้นที่ถ่ายได้โดยกล้องกล้องส่องทางไกลอวกาศตัวนี้นั้นน่าทึ่งตกตะลึงมาก และมันก็ส่งภาพรูปแบบนี้กลับมายังโลกมากมาย เปลี่ยนเป็นว่ากล้องส่องทางไกลอวกาศ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก ตัวนี้ทำให้การศึกษาและทำการค้นพบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างเร็วทันใจพอๆ กับที่นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากภาพมากมายนั้น นี่เป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ ของวงการดาราศาสตร์

การวิเคราะห์ DNA ยุคดึกดำบรรรพ์

เมื่อก่อน การจะหาลำดับจีโนม ต้องมีกระดูกหรือฟันของคนในสมัยนั้น แต่ตอนนี้ มีเครื่องไม้เครื่องมือหาลำดับจีโนมสมัยใหม่ที่ละเอียดมากพอ ที่จะวิเคราะห์ และช่วยให้เราอ่าน DNA ของคนเราที่โบราณมากๆได้ โดยใช้เพียงตัวอย่างเป็นดินที่มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์เคยฉี่ใส่ ทำให้การเรียนร่องรอย ของผู้คนที่เคยอาศัยอยู่เมื่อนานมาแล้ว ทำได้ง่ายขึ้น เผยให้โลกมีความคิดเห็นว่าพวกเขาใคร และเหตุใดโลกยุคนั้นจึงเป็นแบบนั้น นอกนั้นยังช่วยทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจชีวิตของมนุษย์ทั่วไปที่มีชีวิตอยู่ในยุคนั้น ไม่ใช่แค่ชีวิตของมนุษย์ที่สามารถจ่ายเงิน ค่าฝังศพอย่างละเอียดอ่อนได้เท่านั้น

การรีไซเคิลแบตเตอรี่

เมื่อรถ EV มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ความต้องการแบตเตอรี่ ก็มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้หลายบริษัทกำลังสร้างโรงงาน ที่จะนำแบตเตอรี่เก่ามา รีไซเคิล เรียกคืนลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ หลังจากนั้นก็ป้อนโลหะกลุ่มนี้กลับไปยังผู้ผลิตแบตเตอรี่ lithium-ion การรีไซเคิลมีความจำเป็นในด้านของการตัดวงจรการทิ้งแบตเตอรี่ ในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ แบตเตอรี่จำเป็นจะต้องไม่จบลงที่การฝังกลบ เพราะว่ามันบางทีอาจเป็นแหล่งโลหะที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับเพื่อการจ่ายพลังงานให้กับรถ EV ในอนาคต วิธีนี้จะมีผลให้ต้นทุนแบตเตอรี่ถูกลงกว่าเดิม อีกทั้งยังลดขยะอันตรายลงได้อีกด้วย

เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ลงทะเบียนชิง

เช็กเงื่อนไขเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ลงทะเบียนชิง 5.6 แสนสิทธิ์ต่อห้อง เริ่มเดือน ก.พ. นี้

เช็กเงื่อนไข เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ลงทะเบียน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ชิงสิทธิ์ 560,000 สิทธิ์ต่อห้อง เริ่มเดือน เดือนกุมภาพันธ์ 66

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี อนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น 3,946,434,800 บาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองไทย ด้านการท่องเที่ยว จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016,000,000 บาท และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองไทย วงเงิน 1,930,434,800 บาท เป็นผลดีต่อผู้ประกอบกิจการทั้งใน และนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งภาคแรงงาน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวเนื่องกว่า 11 ล้านคน ทั้งนี้ คาดว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ 12,539 ล้านบาท

เช็กเงื่อนไขเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้านการท่องเที่ยว จำนวน 2 โครงการ ได้แก่

1. โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท

แนวทางดำเนินการ

  • การลงทะเบียนใช้สิทธิเข้าโรงแรมที่พักจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์ต่อห้อง รัฐสนับสนุน 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน สูงสุด 5 ห้อง
  • คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว (e-voucher) 600 บาทต่อวัน
  • พื้นที่ดำเนินการ : ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
  • ระยะเวลาดำเนินการ : เดือน ก.พ.-ก.ย. 66
  • ผู้รับประโยชน์จากโครงการ : ประชาชนไทยที่เข้าร่วมโครงการและใช้สิทธิ และผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวที่เข้าร่วม
  • สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พร้อมติดตั้งเป๋าตัง โดยต้องจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน

ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการลงทะเบียน และยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิจำนวน 5 สิทธิ สำหรับประชาชนที่เคยใช้สิทธิแล้ว สามารถกดให้ความยินยอม consent ในระบบได้เลย โดย 5 สิทธิดังกล่าว ไม่นับรวมสิทธิที่ใช้แล้วในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4

โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคล เช่นเดียวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการที่มุ่งให้เกิดการใช้จ่ายและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการบรรเทาภาระของประชาชน

ทั้งนี้ โครงการฯ ยังมีแนวทางป้องกันการทุจริต : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดให้มีระบบแสดงจำนวนห้องพักของแต่ละโรงแรม-ที่พัก หากมีการจองเกินจำนวนห้องที่แจ้งไว้ ระบบจะสามารถจำกัดการจองได้ โดยมอบให้ ททท. สำนักงานสาขาในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการ และเพื่อป้องกันการขึ้นราคาห้องพักเกินจริง จึงให้มีการระบุในแบบฟอร์มยินยอม (consent) ให้ชัดเจน

หากโรงแรมที่พักเจตนาขึ้นราคาห้องพักเกินจริง สามารถเอาผิดเรียกเงินคืน และระงับการจ่ายได้ รวมทั้งต้องได้รับโทษถึงการตัดสิทธิในการเข้าร่วมทุกโครงการของรัฐบาล รวมทั้งจะมีระบบสแกนใบหน้าของผู้ใช้สิทธิในการเชคอินเข้าพักและการใช้ e-voucher เพื่อป้องกันการใช้บัตรประชาชนผู้อื่นสวมสิทธิ

2. โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย

เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น วงเงินรวม 1,930.4348 ล้านบาท

แนวทาง การดำเนิน กิจกรรม

  • การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย จากต่างประเทศ โดยเน้นการนำเสนอ Soft Power ผ่าน Digital Market และกิจกรรมทางการตลาด
  • กระตุ้นท่องเที่ยวไทย เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งขึ้น
  • การสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และสร้างกระแส การเดินทางภายในประเทศ ภายใต้แคมเปน Amazing Thailand, Amazing New Chapters
  • การยกระดับคุณภาพสินค้า เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว
  • สำหรับพื้นที่ดำเนินการ คือ จังหวัดทั่วประเทศไทย ระยะเวลาดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ.-ก.ย. 66 ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ เพื่อช่วยผลักดัน และสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้า
  • หมาย 2.38 ล้านล้านบาท

การดำเนินโครงการอยู่ในช่วงระหว่างเดือน เดือนกุมภาพันธ์-เดือนกันยายน 66 ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดตลอดจากนักขัตฤกษ์ในเดือน พฤษภาคม,มิ.ย. และสิงหาคม ช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศ ทำให้ระบบ เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็น การช่วงชิงช่องทางในการแข่งขัน กับประเทศต่างๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รุนแรง และมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ ไม่มีข้อจำกัดด้วย

วิธีลงทะเบียน เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

วิธี ลงทะเบียน เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

เปิดเนื้อหา-วิธีลงทะเบียนโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ปริมาณ 5.6 แสนสิทธิ์ ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ก่อนเริ่มใช้สิทธิ์ตั้งแต่ก.พ.-ก.ย. 2566

ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566 อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016,000,000 บาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองไทยด้านการท่องเที่ยว โดยจะเริ่มให้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่กุมภาพันธ์-เดือนกันยายน 2566

ตลาดรถอีวีแข่งเดือด BYD เขย่าอีกรอบ แบรนด์ญี่ปุ่นปรับตัวจ้าละหวั่น
ทอท.สับเปลี่ยนเก้าอี้บอร์ด ตั้ง “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” นั่งกรรมการ
ครม.ไฟเขียว เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เริ่มใช้สิทธิ กุมภาพันธ์ 2566
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ดังนี้

รายละเอียด การใช้สิทธิ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ให้สิทธิ์แก่ประชาชน ในการสนับสนุนการท่องเที่ยว ภายในประเทศ โดยภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 2 ส่วน คือ

  • สนับสนุนค่าที่พัก 40% (ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน) สูงสุด 5 ห้อง
  • คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว (e-voucher) 600 บาท/วัน
  • กำหนดจำนวนสิทธิเข้าโรงแรมที่พักจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์/ห้อง
  • 1 คน สามารถใช้สิทธิ์ได้สูงสุด 5 สิทธิ์
  • จำนวนสิทธิ์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 นี้ จะไม่นับรวมกับสิทธิ์ที่เคยได้รับในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4

การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีดังนี้

  • ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  • ลงทะเบียนร่วมโครงการที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
  • ทำได้ทั้งผู้ใช้สิทธิ์รายใหม่ และผู้ใช้สิทธิ์รายเดิมที่เคยได้รับสิทธิ์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4
  • ผู้ใช้สิทธิ์รายเก่า : ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และกดให้ความยินยอม (Consent) เพื่อรับสิทธิ์ได้ทันที
  • ผู้ใช้สิทธิ์รายใหม่ : ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และยืนยันตัวตนตามขั้นตอน
  • ใช้สิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”
  • ทำการจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน

แนวทางป้องกันการทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

สำหรับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ภาครัฐมีการวางวิถีทางป้องกันการทุจริต โดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาในประเทศ สำหรับการจัด ให้มีระบบแสดงปริมาณห้องพักของแต่ละโรงแรม/ที่พัก หากมีการจองเกินจำนวนห้อง ที่แจ้งในระบบ ระบบจะสามารถจำกัดการจองได้

พร้อมทั้งจัดให้โรงแรม/ที่พักที่ร่วมโครงการ มีการระบุคำยินยอม ในแบบฟอร์มให้ชัดเจน ในการป้องกันปัญหาการขึ้นราคาห้องพักเกินจริง โดยหากโรงแรม ที่พักเจตนาขึ้นราคาที่พักเกินจริง สามารถเอาผิดเรียกเงินคืน และหยุดการจ่ายได้ รวมทั้งต้องได้รับโทษถึงการตัดสิทธิในการเข้าร่วม ทุกโครงการของรัฐบาล

สำหรับเพื่อการป้องกันการโกงในส่วนผู้ใช้สิทธิ์ จะมีการจัดระบบสแกนใบหน้าของผู้ใช้สิทธิ สำหรับเพื่อการเช็กอินเข้าพัก และการใช้ e-voucher เพื่อป้องกันการ ใช้บัตรประชาชนคนอื่นสวมสิทธิ

Avatar The Way of Water

Avatar The Way of Water รายได้ทะลุ 2 พันล้านเรื่องที่ 6 ในประวัติศาสตร์

ยังแรงไม่หยุด Avatar: The Way of Water ทำรายได้ทะลุ 2 พันล้านเหรียญ ในเวลาแค่ 39 วัน ขึ้นแท่นหนังเรื่องที่ 6 ของโลกเพียงแค่นั้นที่สามารถทำเงินได้ในระดับนี้

หลังจากเข้าฉายมาได้เพียง 6 อาทิตย์ ภาพยนตร์อวตาร ภาค 2 “Avatar: The Way of Water” หรือ “อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ” ก็ทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์แค่นั้นที่สามารถทำรายได้จากการขายตั๋วได้สูงระดับนี้

โดยเรื่องที่ทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านเหรียญไปก่อนหน้าที่ผ่านมา ได้แก่Avatar, Avengers: Endgame, Titanic, Star Wars: The Force Awakens และ Avengers: Infinity War

จากรายนามที่มองเห็นเท่ากับว่า เจมส์ คาเมรอน เป็นผู้กำกับเพียงคนเดียวของโลกที่ทำหนังรายได้ทะลุ 2 พันล้านถึง 3 เรื่องด้วยกัน คือ Avatar1, 2 และ Titanic

ในส่วนของผู้แสดงนั้น โซอี้ ซัลดานา ซึ่งสวมบทบาท “เนย์ทิรี” ในภาพยนตร์ อวตาร และบท “กามอรา” ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ ของมาร์เวล ก็กลายเป็นดาราเพียงคนเดียวของโลกเช่นเดียวกันที่ได้แสดงหนังระดับ 2 พันล้าน ถึง 4 เรื่อง จากทั้งหมด 6 ได้แก่ Avatar, Avatar: The Way of Water, Guardians of the Galaxy, Avengers: Endgame และ Avengers: Infinity War

Box Office Mojo แถลงการณ์ว่าในเวลานี้ The Way of Water ทำรายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 2,024 ล้านดอลลาร์ ตามหลังหนังทำเงินอันดับ 4 และ 5 ของโลกอย่าง Star Wars: The Force Awakens” (2,071 ล้านดอลลาร์) และ Avengers: Infinity War (2,052 ล้านดอลลาร์) อยู่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และมีลักษณะท่าทางว่าจะแซงได้ในเวลาไม่นานด้วยเหตุว่าจนกระทั่งบัดนี้ อวตาร 2 ยังครองอันดับ 1 หนังทำเงินในแถบ อเมริกาเหนือ มาติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว เรียกว่าความแรงยังไม่ลดน้อยลงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ “อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ” หรือ The Way of Water จะเข้าฉาย เจมส์ คาเมรอน ได้ให้สัมภาษณ์ วารสารจีคิว เอาไว้ว่า Avatar2 ถือเป็น “กรณีตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์” ด้วยเหตุว่าจำเป็นที่จะต้องทำรายได้ติดอันดับ 1 ใน 4 ของหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลถึงจะเรียกว่าคุ้มกับการลงทุน

ในขณะที่นักวิเคราะห์เห็นว่า “จุดคืนทุน” ของหนังหัวข้อนี้คงจะอยู่ที่ราว1,500 ล้านดอลลาร์ ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ CG ทั้งเรื่องก็เลยมีต้นทุนสูงมาก

ปัจจุบัน Avatarภาคแรกที่ออกฉายเมื่อ 13 ปีก่อน ยังได้รับตำแหน่ง “หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล”เอาไว้ได้ที่ 2,900 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Avengers: Endgame อันดับ 2 ที่ 2,790 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 คือ Titanic ด้วยรายได้ 2,190 ล้านดอลลาร์

Avatar รายได้ทะลุ 2 พันล้าน

เรื่องจริงน่าทึ่งของ Avatar: The Way of Water (อวตาร วิถีที่สายน้ำ)

เป็นหนังที่ทำรายได้แตะหลัก 2 พันล้านดอลลาร์ ได้เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Avengers: Endgame โดยทำได้ในเวลาเพียง 39 วัน เร็วกว่าAvatar ภาคแรก 6 วัน

ด้วยรายได้ทั่วทั้งโลก 2,024 ล้านเหรียญ ทำให้ The Way of Water กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 6 แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ได้ข้างในสัปดาห์นี้

Hollywood Reporter แถลงการณ์ว่า The Way Of Water ใช้งบประมาณในการสร้างกว่า 350 ล้านเหรียญ ไม่นับรวมค่าการตลาด และค่าพีอาร์อีกหลาย สิบล้านเหรียญ ทำให้แปลงเป็นหนึ่งในหนังที่มีต้นทุนสูงที่สุด เท่าที่เคยมีการสร้างกันขึ้นมา
Avatar 2 เปิดตัวด้วยรายได้ที่น่าผิดหวังในตลาดสหรัฐฯเป็น134 ล้านดอลลาร์ ต่ำยิ่งกว่าตัวเลขคาดการณ์ของทุกฝ่าย แต่กลับทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านเหรียญในเวลาเพียง 2 อาทิตย์หลังออกฉาย

ตอนนี้Avatar: The Way Of Water ครองอันดับ 1 แชมป์บ็อกซ์ ออฟฟิศมาเป็นเวลามากถึง 6 อาทิตย์แล้ว

The Way of Water รายได้ทะลุ 2 พันล้าน

เปิดคอนเซ็ปต์Avatar 4 และ 5 จัดเตรียมพบการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลา-กลับสู่โลกที่ล่มสลาย

ดูดุจว่ามหากาพย์Avatar ที่ยืนยาวถึง 5 ภาค กับช่วงเวลามากกว่า 20 ปี จะถูกคิดแผนเอาไว้หมดแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เหลือเพียงกระแสตอบรับจากแฟนๆเพียงแค่นั้นที่จะเป็นตัวชี้ชะตาว่ามันจะได้ไปต่อหรือเปล่า หลังจากที่ในภาคแรก แนะนำให้เรารู้จักกับโลกใบใหม่ ภาคที่ 2 ก็ได้เริ่มปูทางแนะนำผู้แสดงใหม่ๆก่อนที่ภาค 3 จะลงลึกถึงความเกี่ยวพันระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆใน ดาวแพนดอร่า อันแสนงาม และตอนนี้พวกเขาเริ่มแง้มให้เราทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 2 ภาคสุดท้ายของเรื่องราวแล้วด้วย

ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Empire โปรดิวเซอร์ จอน แลนเดา ได้บอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของมหากาพย์ Avatar ทั้งการ Time Skip หรือการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลา และการนำพวกเรากลับไปยังดาวโลก เขาเล่าถึงเรื่องกลุ่มนี้เอาไว้ว่า

“หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลาครั้งใหญ่ในAvatar 4 ในภาคสุดท้ายเราจะกลับไปที่โลกกันครับ มันจะเป็นเรื่องราวของดาวโลกที่ถูกตัดไปจากหนังภาคแรก นำเสนอโลกที่ล่มสลายอย่างสิ้นเชิง ทั้งปัญหาประชากรล้นโลก และการขาดแคลนทรัพยากรขั้นวิกฤตที่ทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก แต่เราไม่ได้อยากจะให้ภาพเหล่านั้นออกมาสิ้นหวังและไร้ชีวิตชีวาขนาดนั้น หนังชุดนี้จะเกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ที่เราจะแก้ไขมันด้วยครับ”

หากเป็นแบบนั้นจริง ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เราจะได้เห็นเหล่าเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่ถูกแนะนำตัวในภาคนี้เติบโตขึ้น และกลายเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องอย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้จะถูกผลักดันมากยิ่งขึ้นเพราะในภาคที่ 3 จะมีการโชว์ด้านมืดของชาวนาวี ขณะเดียวกันก็จะแสดงให้เห็นด้านที่ดีมากขึ้นของมนุษย์ด้วย ทั้งหมดล้วนนำไปสู่บทสรุปทั้งสิ้น ชวนให้น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียวว่าหลังจากนี้จะมีอะไรรอพวกเราอยู่บ้าง

เปิดนาทีตำรวจซ้อนแผนจับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต

งามหน้า! เปิดนาที ตร.ซ้อนแผนจับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต รีดเงินร้านขายมือถือ 3 แสน

เปิดนาทีตำรวจซ้อนแผนจับ “เจ้าหน้าที่สรรพสามิต” อุ้มพนักงานร้านขายมือถือขึ้นรถ รีดเงิน 3 แสนบาท

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 ม.ค. 2566 MR.WU อายุ 31 ปี ชาวจีน เดินทางเข้าแจ้งเหตุกับ ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ภายหลังจากชายฉกรรจ์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ กรรมสรรพสามิต เข้ามาขอค้นด้านในร้าน ขายอุปกรณ์ โทรศัพท์มือถือ

ก่อนที่จะจับ ผู้จัดการร้าน ลูกน้อง ชาวพม่า ขึ้นรถไป พร้อมกับเรียก เก็บเงินกว่า 3 แสนบาท แลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว เหตุเกิดที่ห้องแถว เลขที่ ตำบล ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จังหวัดสมุทรปราการ

อุ้มพนักงานร้านขายมือถือขึ้นรถ

MR.WU พูดว่า ตัวเองเป็นน้องชาย เจ้าของร้าน เปิดขาย อุปกรณ์มือโทรศัพท์มือถือมานานแล้ว

แต่ก่อนเคยเปิดอยู่ในห้าง ก่อนที่จะย้ายมาเปิดเช่าห้องแถว ที่ย่าน ซอยอู่ทอง ต่อมา ระหว่างนี้ตัวเองจะมีหน่วยงานราชการ ตนเองไม่ขอเอ่ยว่า เป็นหน่วยงานใด เข้ามาเก็บค่าลิขสิทธิ์ ที่้ร้านอยู่หลายครั้ง ซึ่งตนเองก็ยอมจ่ายไป ด้วยเหตุว่าไม่ต้องการมีปัญหา

จนกระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ตัวเองไม่อยู่ โดยมีน้อง และ ผู้รับจ้างหญิง ชาวพม่า เฝ้าร้านอยู่กันสองคน มีชายฉกรรจ์ 6-7 คน อ้างว่า กรมสรรพสามิต ขับขี่รถมาจอดหน้าร้าน ก่อนที่จะเข้ามา ขอค้นที่ร้าน พร้อมด้วยพูดว่า อุปกรณ์ ที่ขายอยู่ผิดกฎหมาย หนีภาษี

ก่อนที่จะจับน้อง และลูกจ้างขึ้นรถไป กระทั่งกลุ่มดังกล่าว ติดต่อมาหาตนว่า จะต้องเสียค่าปรัก กว่า 3 แสนบาท ถัดมาได้มีการต่อลองลงมา จนถึงเหลือ 5 หมื่นบาท แต่ตนเองเกรงว่าจะน้อง จะไม่ปลอดภัย และไม่มั่นใจว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ จึงเดินทางมาแจ้งเหตุที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ฝ่าย สืบสวน นำโดย พ.ต.ต.ชัชพงศ์ ขาวสะอาด สว.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้นัดหมาย กับผู้เสียหาย ให้พูดคุยกับทาง กลุ่มชายฉกรรจ์ และกล่าวว่า จะนำเงินไปให้ตามตกลง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ จะซ้อนแผนเข้าจับตัว มีการนัดมอบเงินกันที่ บริเวณปั๊มน้ำมัน ริมถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ

โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปแอบซุ่ม ข้างโรงเรียนนายเรือ ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปดักซุ่มรอกระทั่งถึงเวลานัดหมาย พบรถปิ๊กอัพ โตโยต้า รีโว่ สีบรอนเงิน ทะเบียน 3 ขฌ 8533 จอดอยู่ในปั้ม และมีผู้เสียหาย ทั้งสองคน นั่งอยู่ในรถด้วย

จากนาย MR.WU จึงนำซองกระดาษ ข้างในมีเงินกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสาร ไว้เป็นหลักฐานแล้ว เดินลงจากรถ ไปมอบให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ กระทั่งได้สัญญาณ ตำรวจ เข้าไปปิดล้อมขอค้น

เจ้าหน้าที่ สรรพสามิต รีดเงิน 3 แสนบาท

พบว่าในรถมีชาย 3 คน กล่าวถึงว่าตัวเองเป็น เจ้าหน้าที่สรรพสามิต

ส่วนเงินที่เจอในรถยนต์กล่าวถึงว่าผู้เสียหายเอามาให้ เพื่อจะไปจ่ายค่าปรับ แต่เจ้าหน้าที่ ไม่เชื่อจึงนำตัวชายทั้งสามคนมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

ทั้งนี้จากการพิจารณาในรถ เจอบัตรราชการ ของ ป.ป.ส.ชื่อ นายสวโรจน์ โฉมงาม ระบุตำแหน่ง เจ้าพนักงาน ชำนาญงาน สังกัด กรมสรรพสามิต อยู่บนรถ และยังเจอเสื้อกั๊กสีดำซึ่งติดโลโก้ของ กรมสรรพสามิต 2 ตัว วางอยู่ในรถยนต์ด้วย

สอบถาม น.ส.มลธิลา ใจพรม 21 ปี ผู้จัดการร้าน บอกว่า ขณะที่ตัวเองนั่งอยู่ในร้าน มีชายฉกรรจ์มากว่า 6-7 คน ใส่เสื้อกั๊กติดตราของ กรมสรรพสามิต เข้ามาในร้าน ขอตรวจค้น และกล่าวว่าตัวเองค้าของหนีภาษี

ก่อนที่จะพาตนเองขึ้นรถไป ต่อมาชายทั้งสามคน พาตนไปจอดรถยนต์อยู่ บริเวณหน้าที่ทำการ กรมสรรพสามิต ใกล้ศาลากลางจังหวัด สมุทรปราการ แต่ไม่ได้พาเข้าไปในที่ทำการ

ถัดมา กลุ่มชายดังกล่าว ขู่ว่าว่าหากไม่นำเงิน 3 แสนบาทมาจ่ายค่าปรับตามตกลง หากถูกตำรวจจับจะเรื่องใหญ่กว่านี้ และต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ด้วยความหวาดกลัวตนเองจึง โทรไปพบเจ้าของร้าน และเล่ารายละเอียดให้ฟัง จนถึงมีการต่อลองจนถึงราคาน้อยลง 8 หมื่นบาท แต่ทางเจ้าของร้านมี 5 หมื่น ก่อนที่จะมีการนัดหมาจ่ายเงินกัน ที่ปั้ม การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

สืบสวนพื้นฐาน ทราบดีว่า ชายที่ถูกจับได้ เป็นเจ้าหน้าที่ของ กรมสรรพสามิต 2 คน สังกัด สรรพสามิตส่วนกลาง คือ สำนักตรวจสอบป้องกัน และปราบปราม หรือเรียกว่า (สตป.) และ พลเรือน 1 คน ส่วนรายละเอียด อยู่ระหว่างการสอบสวน

ทั้งนี้ยังพบอีกว่า มีรถอีกคัน ซึ่งน่าจะเป็นของกลุ่มที่เหลือ หลังเจอตำรวจ พากันขับหนีไปก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาสอบสวนถัดไป

กัญชาเสรี บุกโรงเรียน

ทำอย่างไรดี เมื่อ “กัญชาเสรี” บุกโรงเรียน

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นับว่าเป็นวัน “ปลดล็อกกัญชา” ของประเทศไทย “กัญชาเสรี” หลังจาก กระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่า กัญชาไม่ใช่ “ยาเสพติด” ทั้งยังยกเลิกความผิดฐานผลิต นำเข้า ส่งออก มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพหรือจำหน่าย รวมถึงการเสพหรือการสูบ ซึ่งสร้างความไม่สาบายใจให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากว่าไม่มีการเตรียมมาตรการทางกฎหมาย เพื่อจัดการกับผลลัพธ์ที่จะตามมา

หลังจากประกาศปลดล็อกกัญชา ก็มีข่าวการใช้กัญชาที่มีผลเสียต่อร่างกายผู้ใช้อย่างล้นหลาม ทำให้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ประกาศให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพฯ เป็น “เขตปลอดกัญชง – กัญชา” ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 เหมือนกับตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ประกาศว่าโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจะต้องเป็น “โรงเรียนปลอดกัญชา”

ความพยายามสำหรับในการสกัดกั้นกัญชาในโรงเรียนที่สวนทางกับ “เสรีกัญชา” นอกรั้วโรงเรียน ทำให้การสั่งห้าม กลายเป็นเรื่องยาก และเป็นความกลุ้มใจที่ “คุณครู” ต้องหาทางต่อกรกับกัญชา ที่ไหลล้นเข้ามาในโรงเรียน

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ครูคนไม่ใช่น้อยรวมกลุ่ม “คุยสถานการณ์กัญชาเสรีในโรงเรียน” เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนปัญหาเรื่องกัญชาในโรงเรียน ที่บางครั้งอาจจะเป็นปัญหาแพร่กระจายใหญ่โต ถ้าเกิดว่าไม่มีมาตรการต่อกรที่ชัดเจน

กัญชาเสรีในโรงเรียน

เหตุการณ์ กัญชาเสรี ในโรงเรียน

ครูหลายท่านเริ่มสะท้อนว่า ก่อนจะมีการปลดล็อก ตามประกาศกฎหมาย กัญชาเสรี ก็ประสบเจอกับปัญหา นักเรียนแอบใช้กัญชาอยู่บ้าง รวมไปถึงสารเสพติดอื่นๆ ซึ่งโดยมากจะมีต้นเหตุจากเด็กนักเรียนอยากรู้อยากลอง โดยนักเรียนที่ใช้กัญชาจะมีอาการอยากนอน หลับในห้องเรียน และไม่พร้อมที่จะศึกษา ขณะที่ครูมักจะใช้ ขั้นตอนการว่ากล่าว ซึ่งทำให้นักเรียนไม่ต้องการมาเรียน เนื่องมาจากรู้สึกขายหน้า และหวาดกลัว

จากการสังเกตของครูหลายๆคน ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ใช้เวลากว่า 2 ปี พบว่าพฤติกรรมลักขโมยของ และใช้กัญชาในเด็กนักเรียนมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งได้รับแจ้งข้อมูลว่า มีเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับ กัญชา ในทุกระดับชั้น และชั้นที่อายุน้อยที่สุดได้รับแจ้งคือเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ถึงแม้ครูต้องต่อกรกับปัญหา กัญชา และพยายามหาทางแก้ไขปัญหาการใช้กัญชา ของผู้เรียน แต่คุณครูที่ร่วมวงพูดคุย ก็สะท้อนว่า การเป็นครูเหมือนอยู่ที่เปลือกของปัญหา เหตุเพราะการเข้าถึงรากของปัญหา จำเป็นต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สำหรับโรงเรียนที่ถึงแม้ว่าจะถูกกล่าวว่า เป็นสถานที่ที่ราชการ และไม่อนุญาตให้นำกัญชาเข้ามา แต่เมื่อนักเรียนก้าวเท้าออกมาจากโรงเรียน ก็สามารถพบเห็นการซื้อขายกัญชาได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้ปัญหาการใช้กัญชา ในโรงเรียนกลายเป็นปัญหาที่ไม่อาจควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ปัญหาที่อาจารย์ต้องเผชิญ

ปัญหาข้อหนึ่งที่อาจารย์สะท้อน คือการเข้าถึงสื่อที่ง่ายเกินไป โดยยิ่งไปกว่านั้น TikTok ที่เด็กนักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลเรื่องกัญชาได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว แต่ทว่าข้อมูลที่ปรากฏกลับกลายข้อมูลด้านเดียวที่ระบุว่า การใช้กัญชาจะก่อให้อารมณ์เบิกบาน ขณะเดียวกันอาจารย์เองก็ขาดความเข้าใจเรื่องกัญชา หรือเรื่องหลักพิษวิทยาของกัญชา ทำให้อาจารย์ไม่มีความพร้อมสำหรับเพื่อการสอน หรือรับมือกับเด็กที่ใช้สารเสพติด

ในทางกลับกัน ครูนิดหน่อยที่ตระหนักถึงจุดสำคัญของการสอนเรื่องจุดเด่น-ข้อด้อยของกัญชา และพยายามชักชวนนักเรียนคุยแลกเปลี่ยน เรื่องกัญชาในคาบเรียน กลับไม่ได้รับการผลักดันและสนับสนุนหรือไม่มีอาจารย์ท่านอื่นร่วมด้วย เพราะฝ่ายกิจการเด็กนักเรียนมองว่าการสอนเรื่องกัญชาเป็นเรื่องตลกขบขัน และไม่ใส่ใจที่จะให้ความรู้ความเข้าใจ

อย่างเดียวกัน แม้นักเรียนจะมีความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความรู้เรื่องกัญชาได้ เพราะขัดกับหลักโรงเรียนคุณธรรม

อาจารย์คนจำนวนไม่น้อยชี้ว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดของสถานการณ์กัญชาในโรงเรียน คือทิศทางของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางของสังคม และนโยบายกัญชาเสรีของภาครัฐ ส่งผลให้คุณครูปฏิบัติงานตรากตรำ อาจารย์ราวกับตกอยู่ในสถานการณ์ออกศึกแต่ไม่มีอาวุธ ตั้งแต่ไร้สื่อการสอนเรื่องกัญชาที่เป็นกลาง ที่แสดงทั้งด้านดี และด้านเสียของการใช้กัญชา ไปจนกระทั่งแนวทางการจัดการกับเด็กที่ใช้กัญชาอย่างแม่นยำ และไม่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของนักเรียน

นอกเหนือจากนี้ ภาระหน้าที่งานอื่นๆเยอะแยะที่นอกเหนือจากการสอน ก็เป็นอีกเหตุที่ทำให้อาจารย์หลายท่านเลือกที่จะนิ่งเฉยต่อเด็กที่มีปัญหา ถึงแม้คุณครูรุ่นใหม่จะพยายามเข้าไปเปลี่ยน แต่แรงกระแทกจากคำสั่งกระทรวงฯ ผู้อำนวยการ เพื่อนคุณครู หรือผู้ปกครอง ก็นำมาซึ่งการทำให้อาจารย์ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยอมยกธงขาวไปในที่สุด

กัญชาเสรี

ทางออกสำหรับทุกคน

คุณครูที่ร่วมกลุ่มสนทนาสะท้อนว่า ทางออกของประเด็นกัญชาเสรีในโรงเรียนเป็น สร้างการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง ให้ผู้เรียนได้เสนอคำถามกับการใช้กัญชา สร้างโอกาสให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ และเข้าถึงข้อมูลที่ถูก รวมทั้งสร้างโอกาสให้ เกิดการติดต่อระหว่างผู้เรียน อาจารย์ และผู้บริหาร เช่นเดียวกับการผลิตสื่อการสอนที่เป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พูดถึงจุดเด่น – ข้อบกพร่องของการใช้กัญชาอย่างตรงไปตรงมา และสามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ง่าย

ทั้งนี้ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ “รับฟังนักเรียน” จะเป็นทางออกที่มีคุณภาพมากที่สุดในระยะยาว โดยครูที่ร่วมวงพูดคุยมีความคิดเห็นว่า โรงเรียนไม่มีระบบที่เข้ามารองรับและช่วยเหลือ นักเรียนที่ใช้สารเสพติด เช่นเดียวกับการติดต่อสื่อสารกับเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องด้วยอาจารย์กับเด็กนักเรียนใช้คนละภาษา

ยิ่งไปกว่านั้น ค่าความนิยมของโรงเรียนก็วินิจฉัยว่านักเรียนที่ใช้สารเสพติดเป็นคนไม่ดี คุณครูก็เพ่งเล็งว่านักเรียนคนนั้นๆเป็นเด็กเกเร เพื่อนร่วมชั้นก็ไม่รับ ซึ่งทั้งหมดล้วนทำให้การเห็นคุณค่าในตนเอง และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ของเด็กนักเรียนคนนั้นเกิดได้ยากขึ้นกว่าเดิม

โดยเหตุนั้น การทำงานกับความเลื่อมใสของครูและเพื่อนร่วมชั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้นักเรียนมีคนที่สามารถไว้วางใจและคุยได้ ซึ่งจะทำให้เด็กนักเรียนรู้สึกไม่เป็นอันตราย เกิดความไว้ใจและวางใจ ทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อมั่น และสะท้อนการเห็นค่าในตัวเอง ที่มากเพิ่มขึ้น

สุดท้ายคือความรับผิดชอบของภาครัฐ ที่ควรมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อช่วยเหลืออาจารย์ในโรงเรียนที่กำลังจัดการกับปัญหาเรื่องการใช้กัญชาของเด็กนักเรียน รวมถึงแนวนโยบายที่จะช่วยอุดรอยรั่วของนโยบายกัญชาเสรี เพื่อปกป้องเด็กนักเรียนจากการใช้กัญชาโดยไม่ตระหนักถึงข้อด้อยของมัน เหมือนกับป้องกันไม่ให้กำเนิดคือปัญหาที่จะถั่งโถมเข้าใส่คุณครู จนถึงคุณครูรู้สึกหมดพลังกับการจัดการกับปัญหารายวัน และลดทอนเลื่อมใสของครูที่ตั้งอกตั้งใจมาให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็กนักเรียน

จิ๊บ คีตภัทร เปิดภาพปัจจุบัน

แฟนคลับสุดคิดถึง เปิดภาพปัจจุบัน ‘จิ๊บ คีตภัทร’ นางเอกดัง ที่สวยเด่นไม่เปลี่ยนแปลง

จัดเป็นอีกหนึ่งดาราหนังสาวสวยที่หลายๆคนตกหลุมรักเธอหนักมาก สำหรับสาว จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์ ที่ฝากผลงานสุดปังเอาไว้เป็นอันมาก เช่น กามเทพลวง, กว่าจะรู้เดียงสา, หมอผีไซเบอร์, เบญจา คีตา ความรัก อื่นๆอีกมากมาย ถึงแม้ปัจจุบันนี้คุณจะไม่ค่อยส่งผลงานแสดงออกทางจอให้ได้ดูกันเท่าไหร่ แต่บอกเลย แฟนคลับรักเธอ และคิดถึงหนักมาก

งานนี้เราเลยไม่พลาด เชิญทำความรู้จักสาว จิ๊บ เบาๆและพาไปชมรูปสวยๆของสาวจิ๊บกัน ที่บอกเลยว่า เธองาม หุ่นดี และเด่นไม่เปลี่ยนแปลงเลย โดยสาวจิ๊บเกิด|วันที่ 21 พ.ย. พุทธศักราช 2527 เป็นดาราคนไทยในสังกัดดาราวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จิ๊บ เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว อันติมานนท์ เป็นดาราสาวคนประเทศไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของนักแสดงชายเป็น จิม เจจินตัย แวนดิว

จิ๊บ มีผลงานเรื่องแรก ได้แก่ กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกใน ละครหลังข่าว เรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกเรื่องหนึ่ง ละครเรื่อง ลูกหลง ทำให้ คีตภัทร เป็นนักแสดงที่รู้จักกัน และมีชื่อเสียงในสมัยนั้น ถัดมา คีตภัทร รับงานละครหลายๆเรื่อง และเป็นการพลิกบทเป็นนางร้าย และเป็นดาราหนังที่มีคุณภาพ และมีความสามารถ ด้านการแสดงอีกมากมายนั่นเอง

โดยหลังจาก จิ๊บ เบาๆงานในวงการบันเทิงไป จากทางจอ ก็ทำเอาแฟนๆคิดถึงหนักมาก พากันมาส่องไอจีของเธอ และบอกรัก บอกคิดถึง รวมทั้งส่องชีวิตสุดปังของเธอ กันอย่างมากมาย

แฟนคลับสุดคิดถึง จิ๊บ คีตภัทร

​​ทำความรู้จัก งามเก่งครบสูตร จิ๊บ คีตภัทร อดีตนางเอกดังยุค 90

เป็นอีกหนึ่งดาราสาวสวย ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานมากๆสำหรับ จิ๊บ คีตภัทรน้องสาวของศิลปินชายหนุ่ม จิม เจจินตัย อันติมานนท์ โดยทั้ง จิ๊บ และ เจจินตัย เป็นดาราหนังที่ดังมากๆในสมัย 90 ถ้าหากคนไหนเคยเห็นละครดังช่อง 7 อย่างเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก หรือ กว่าจะรู้เดียงสา มั่นใจว่าจะต้องคุ้นตา จิ๊บ คีตภัทรวันนี้ เราจะพามาทำความรู้จักจิ๊บ คีตภัทร กันอีกรอบ เผื่อคนไหนที่ยังไม่ทราบ หรือ จำสาวคนนี้ไม่ได้

คีตภัทร อันติมานนท์ ชื่อเล่น จิ๊บ

เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2527

เป็นนักแสดงชาวในสังกัดดาราวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

จิ๊บ คีตภัทรเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ

เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอันติมานนท์

จิ๊บ เป็นนักแสดงสาวคนไทยซึ่งเป็นน้องสาวของ ดาราชายเป็น จิม เจจินตัย อันติมานนท์

สำหรับเรื่องของการเข้าวงการบันเทิงของจิ๊บ คีตภัทร นั้น เธอเริ่มเข้าสู่วงการสายบันเทิงไทย เป็นดาราในสังกัดศิลปินวิดีโอ และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

และส่งผลงานเรื่องแรกได้แก่ กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบทบาท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกในละครหลังข่าวเรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกเรื่องหนึ่งละครเรื่อง ลูกหลง ซึ่ง จิ๊บ มีผลงานโดยตลอด ทำให้คุณเป็นดาราที่รู้จักกัน และเป็นที่รู้จักในยุคนั้น และอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักเป็นเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก ซึ่ง จิ๊บ รับงานละครหลายๆเรื่องและเป็นการพลิกบทเป็นนางร้ายและเป็นผู้แสดงที่มีคุณภาพ และมีความสามารถด้านการแสดงอย่างมากมาย

พักหลังๆเธอได้เฟดตัวออกจากวงการบันเทิง และยังทำงานมีธุรกิจส่วนตัว รวมไปถึงเธอยังมีธุรกิจส่วนตัวพร้อมกันไปด้วย และนอกเหนือจากนี้ จิ๊บ ยังเป็นพาร์ทเนอร์ ร้านอาหารไทย ที่ชื่อ Noi Thai Cuisine Greenlake ที่ Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย ต้องบอกว่า สาวคนนี้ ทั้งสวย มากความสามารถ ครบสูตรจริงๆ

ที่สวยเด่นไม่เปลี่ยนแปลง

“จิ๊บคีตภัทร” จ่อฟ้อง! สับเละคนปล่อยข่าว นางเอก จ. กระทบครอบครัว-แฟน

หลังจากที่ผู้ใช้ ติ๊กต๊อก รายหนึ่ง ได้ออกมาเปิดเผยใจความว่า “มีข่าวหลุด!! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี แอบไปซื้อหนุ่มนอกวงการกิน แล้วโดนหนุ่มอัดคลิปแบล็กเมล์ เรียกเงิน 4 แสน ล่าสุดมีคลิปหลุดออกมา เร็วๆ นี้เจ้าตัวเตรียมแถลงข่าวแน่นอน”

ต่อมา ก็ได้โพสต์อีกว่า “โดนแล้ว! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี ชื่อย่อ จ. เข้าแจ้งความเอาผิดหนุ่มนอกวงการ หลังขายคลิปตนเองที่กำลังมีอะไรกัน ให้กลุ่มลับกลุ่มหนึ่ง ในราคา 4 แสนบาท ซึ่งความยาวคลิปเต็ม 21 นาที เห็นหน้าตัวเองชัดเจน เลยทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าตัวลั่นไม่ยอมความ พร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

กระทั่งทำให้ชาวเน็ตแอบทายกันไป ต่างๆนานา ว่าอดีตนางเอกจ. ช่องหลากสีคือใคร ซึ่งหนึ่งในนั้นแอบมีคนผุดชื่อขึ้นมา ว่าใช่ “จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์” ผู้แสดงสาวยุค 90 หรือไม่ ทำให้วันนี้ (13 เดือนมกราคม) เจ้าตัวต้องรีบออกมาชี้แจงผ่านไอจี ว่าตัวเองไม่ใช่คนในข่าวอย่างไม่ต้องสงสัย พร้อมจะฟ้องร้องคดีตามกฎหมาย กับคนที่ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย

“ขออนุญาตชี้แจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ จากข่าวที่มีการใช้ชื่อหรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บซึ่งทำให้ เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่องและไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัวที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ อยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บและครอบครัวได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิและ ความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

อุ๊งอิ๊ง พรรคเพื่อไทย ปลุกแดงอุดร

ศึกชิงแบรนด์ “อุ๊งอิ๊ง” พรรคเพื่อไทย ปลุกแดงอุดรฯ สกัด “สุดารัตน์”

ศึกคนกันเอง “อุ๊งอิ๊ง” ชักธงรบ พรรคเพื่อไทย ปกป้องอุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดง หวั่นหน่วยจรยุทธ “สุดารัตน์” เจาะ 2 เขต พื้นที่ ส.ส.อาวุโส เสี่ยงสอบตก

“อุ๊งอิ๊ง” ไม่ประมาท ทั้งอุดรธานี-หนองบัวลำภู เจอกระแสพรรคสีแดงทิ้งคนเก่า หลั่งน้ำตา ลาทักษิณ หันไปพึ่ง “สุดารัตน์”

วันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.2566 อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะยกทัพครอบครัวเพื่อไทย ไปเยือน จ.อุดรธานี เปิดเวทีปราศรัย ที่ทุ่งศรีเมือง นำโดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดาวเด่นดาวดัง ของพรรคเพื่อไทย และเป็นครั้งแรกที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ขึ้นเวทีกลางแจ้ง

ทำไม พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในเมืองหลวงคนเสื้อแดง ถ้าพิจารณาจากคิวเดินสายของ อุ๊งอิ๊ง ในอุดรธานี ก็พอจะได้คำตอบ

เช้าวันอาทิตย์ หลังนั่งเครื่องบินถึงอุดรธานี อุ๊งอิ๊ง และทีมเพื่อไทย ก็เดินทางไปที่ อ.เพ็ญ และ อ.บ้านดุง เนื่องจากเป็น 2 เขตที่สุ่มเสี่ยง แพ้พรรคไทยสร้างไทย

ปีที่แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยกทีมมาเปิดตัวผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสองเขต ปรากฏว่า มีกระแสตอบรับดีมาก และข่าวแบรนด์คุณหญิงหน่อยขายได้ สะเทือนถึงดูไบ

บวกกับสถานการณ์ ล่าสุด วิชัย สามิตร อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนองบัวลำภู พาหลานชาย ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนองบัวลำภู หลั่งน้ำตาอำลาเพื่อไทย เนื่องจากพรรคไม่ส่งลงสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า

วิชัย สามิตร โยนระเบิดว่า พรรคเลือกนายทุน ไม่เอาคนเก่าแก่ที่อยู่กับพรรคมา 20 กว่าปี และต่อมา ทางพรรคเพื่อไทยชี้แจ้งว่า เหตุที่พรรคไม่ส่งณัฐวุฒิ สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะว่าแฟนสาวของณัฐวุฒิ เป็นรองโฆษก พรรคไทยสร้างไทย

ทั้งอุดรธานี และหนองบัวลำภู ต่างก็มีปมมาจากความไม่ลงรอยกัน ระหว่างเพื่อไทย กับ ไทยสร้างไทย

ศึกชิงแบรนด์ อุ๊งอิ๊ง

“อุ๊งอิ๊ง” ชิงเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อุดรธานี เนื่องจากว่าไม่ประมาทคนกันเอง และไม่ละเลยแบรนด์ “สุดารัตน์”

ปัจจุบัน ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เหลืออยู่ 7 คน ประกอบด้วย ศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี 4 สมัย ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ,อนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย ,ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี 6 สมัย ,อาภรณ์ สาราคำ ภรรยาขาใหญ่เสื้อแดง-ขวัญชัย ไพรพนา ,จุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ ภรรยาเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี ,เกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย และเทียบจุทา ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย ภรรยาวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี

ส่วน จักรพรรดิ ไชยสาส์น ได้ลาออกจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคเพื่อไทย ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่เพื่อไทยไม่ได้กังวลใจเขตนี้มากนัก

สมัยหน้า สนามเลือกตั้ง อุดรธานี มี ส.ส.เพิ่มจาก 8 คน เป็น 9 คน ทางพรรคเพื่อไทย ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยเขตใหม่ จะส่งเสี่ยก้อ-วัชระพล ขาวขำ รองนายกเทศมนตรี นครอุดรธานี ลูก ชายวิเชียร-เทียบจุฑา ขาวขำ ลงสนามเป็นสมัยแรก

ส่วน สจ. เบิร์ด กรวีร์ สาราคำ ลูกชายขวัญชัย ไพรพนา จะลงสมัคร ส.ส.แทน แม่ อาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี เขต 4

กรณี จักรพรรดิ ไชยสาส์น ลูกชายอีดี้จวบ-ประจวบเหมาะ ไชยสาส์น เพื่อไทยจะส่งอีโต้อีสาน ธีระชัย แสนแก้ว อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ ลงสมัครแทน ที่เขต อ.กุมภวาปี

พื้นสุ่มเสี่ยงของเพื่อไทยคือ อ.บ้านดุง และ อำเภอเพ็ญ “อุ๊งอิ๊ง” ก็เลยยกทีมไปยืนยัน ความเป็นลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร แบรนด์ของแท้ ส่วนแบรนด์ “สุดารัตน์” ไม่ใช่พวกเดียวกัน

ปีที่แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยกทัพใหญ่ พรรคไทยสร้างไทย มาเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี 2 เขตเป็นอำเภอบ้านดุง และ อำเภอเพ็ญ

สำหรับ อำเภอบ้านดุง พรรคไทยสร้างไทย ส่ง โชคเสมอ คำมุงคุณ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านดุง และ อ.เพ็ญ ก็ส่ง หรั่ง ธุระพล นายก อบต.เซียงหวาง ลงสนาม

ทั้งโชคเสมอ และหรั่ง เป็นนักการเมืองท้องถิ่นดาวฤกษ์ หรือบ้านใหญ่ เคยสมัคร ส.ส.ในสีเสื้อภูมิใจไทย มาตั้งแต่ปี 2554 และปี 2562 ถึงจะแพ้เพื่อไทย แต่ก็ได้คะแนนหลักหมื่น

เมื่อโชคเสมอและหรั่ง ย้ายมาสวมเสื้อพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ ชาวบ้านบอกเป็นเสียงกันกันว่า มาถูกทางแล้ว เพราะว่าแบรนด์คุณหญิงหน่อย ยังได้รับความนิยมชมชอบ ต่างแบรนด์เนวิน ที่ชาวบ้านปฏิเสธ

ขณะที่ อนันต์ ศรีพันธุ์ (อ.เพ็ญ) และขจิตร ชัยนิคม (อ.บ้านดุง) เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย แต่ราษฎรเริ่มเบื่อ เพราะเหตุว่าทั้งคู่ไม่ขยันลงพื้นที่ และได้โอกาสจะแพ้แก่คู่แข่งเก่า

นายณัฐวุฒิ

‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทัพ พรรคเพื่อไทย บุกถิ่นอุดรฯ15ม.ค.โหมโรงคอยออกเสียงหวังแลนด์สไลด์

นายณัฐวุฒิ กล่าว การจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย : อีสานยามได๋ เพื่อไทยท่อนั่น ที่ จ.อุดรธานี เพื่อเป็นการยืนยันว่าในปี 66 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นปีแห่งการทวงคืนอนาคตจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ ที่ไร้ความสามารถและอยู่ในอำนาจมา 8 ปี ทั้งนี้แม้หลายฝ่ายจะมองว่า จ.อุดรธานี เป็นเมืองหลวงทางการเมืองของพรรค พท. ในภาคอีสาน เพราะชนะเลือกตั้งยกจังหวัดหลายสมัย แต่พรรค พท. ไม่รู้สึกว่าพื้นที่ใดหรือจังหวัดใดสำคัญมากหรือน้อยกว่า ทุกจังหวัดมีความสำคัญสำหรับการทำงานทางการเมืองของพรรคเท่าเทียมกัน

หลังการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยที่อุดรธานี แล้วจะมีการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยไปยังภูมิภาคต่างๆได้แก่ ภาคกลาง อีสานใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จนกว่าจะมีการยุบสภา เมื่อมีการยุบสภาแล้ว พรรค พื้นที่จะจัดเวทีปราศรัยในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครเพื่อประกาศคิกออฟแนวทางชุดใหญ่ เป็นนโยบายในโค้งสุดท้ายเพื่อไปสู่สนามเลือกตั้ง จุดหมายของพรรค พื้นที่ คือการมุ่งเป้าที่การชนะลงคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเอาชนะกติกาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม วางเอาไว้ให้ได้